10. ปราชญ์ชาวบ้าน
ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น
หมายถึง
บุคคลผู้ทรงภูมิปัญญาด้านหนึ่งด้านใดเป็นผู้สร้างสรรค์และสืบสานภูมิปัญญาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับของสังคมและชุมชนทำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาแก่สาธารณชนด้วยรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย
ในครั้งนี้ ขอยกตัวอย่างครูภูมิปัญญาท้องถิ่นทั้ง 3 ท่านที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์
สามารถถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ดี
ปราชญ์ชาวบ้านอำเภอห้วยผึ้ง
นายชาญยุทธ นันแก้ว
อายุ 68 (ด้านการเกษตร)
ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น
(เพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ)
บ้านเลขที่ 61 หมู่ 10 ต. นิคมห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง
จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ว่าเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งด้านการเกษตร
(เพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ) ที่นาของตนเองจำนวน 20 ไร่
มีทั้ง ปลานิล ปลาดุก ปลาสวาย ปลาใน ทั้งเลี้ยง ทั้งจำหน่าย พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์
และลูกปลา ให้ผลผลิตสูง ใช้ต้นทุนต่ำ ใช้ภูมิปัญญาของตนเอง
จนกลายเป็นต้นแบบทางความคิดของการทำเกษตร (เพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ)
ให้แก่เกษตรกรทั่วไปจนประสบผลสำเร็จ
และเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ดิฉันได้พานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
5
หนึ่งห้องเรียนไปดูการเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ และการเลี้ยงปลาตามธรรมชาติ
ตั้งแต่ผู้อำนวยการคนเก่า นายมนู ผันผ่อน ระยะทางห่างจากโรงเรียนประมาณ 3 กิโลเมตรและมีผู้สนใจมาดูงานที่ทุ่งนาของคุณตาชาญยุทธ นันแก้ว
ทั้งภาครัฐและเกษตรกรจากต่างอำเภอมาศึกษาดูงานไม่เคยขาด
โรงเรียนนิคมกุนารายณ์หมู่ 2 ได้เชิญมาเป็นวิทยากรภายนอกให้กับทางโรงเรียนในช่วงคาบชุมนุมและคาบสุดท้ายทุกวันพุธ
และวันศุกร์ให้กับนักเรียน ระดับชั้น ป. 4 – 6
เนื้อหาการถ่ายทอดความรู้
- เกษตรกรรมธรรมชาติ
- เกษตรผสมผสาน
- การนำแนวคิดเกษตรธรรมชาติไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
- การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
โดยเน้นในเรื่องความประหยัด ละเว้นอบายมุข และการมีชีวิตที่เรียบง่าย
วิธีการถ่ายทอดความรู้
ครูชาญยุทธ นันแก้ว
ถ่ายทอดความรู้โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- การบรรยาย
- การสาธิต
- การนำชม
- การฝึกปฏิบัติจริงที่สระน้ำที่แปลงนา
- การให้คำปรึกษา
ครูชาญยุทธ
ใช้เวลาอย่างยาวนานในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากชีวิตจริงของตนเอง
สิ่งที่เรียนรู้ได้กลายเป็นภูมิปัญญาด้านการเกษตรธรรมชาติ
ที่สามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรค ที่เผชิญมาอย่างยาวนานได้เป็นผลสำเร็จ และข้อสำคัญ ครูชาญยุทธ
ได้นำภูมิปัญญาดังกล่าวสอนให้ผู้อื่นนำไปปฏิบัติจนเกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง
ครอบครัว ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น
สถานที่ติดต่อ นายชาญยุทธ นันแก้ว ด้านเกษตรกรรม
(การเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ)
61 หมู่ 10 บ้านไทรงาม ตำบลนิคมห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง
จังหวัดกาฬสินธุ์ 46240
โทรศัพท์ 08-33632622ปราชญ์ชาวบ้านตำบลไค้นุ่น
ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น นายสงกา พิทักษ์วาปี
ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านเกษตรกรรม
(เกษตรผสมผสาน)
เกิดวันที่
2
เมษายน 2480 บ้านไค้นุ่น ตำบลไค้นุ่น ปัจจุบันอายุ
74 ปี มีบุตร 3 คน บ้านเลขที่ 1
หมู่ที่ 8 ตำบล
ไค้นุ่น อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ ดิฉันได้ไปที่บ้านไค้นุ่น
บ้านคุณตาอยู่ติดถนนดำ ติดกับกับอนามัยบ้านไค้นุ่น อายุมากแต่ดูไม่แก่เลย
ทำเกษตรผสมผสานมา 30 ปี เป็นข้าราชการบำนาญ
บ้านดูรมย์รื่น
มีต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งตัวบ้านและสวน รวมประมาณ 4 ไร่ ให้ความรู้เรื่องการทำปุ๋ยชีวภาพ เป็นหมอดิน การทำไร่สวนผสมศูนย์การเรียนรู้ด้านการเกษตร
โดยเน้นการพึ่งตนเอง ไม่ใช้สารเคมี โดยใช้ที่ดินในบริเวณบ้านของตนเองเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
ที่ดิฉันได้ไปพบบริเวณรอบบ้าน มีปลูกฝรั่ง ปลูกหมากเม่า มีไผ่บงหวาน กล้วยน้ำหว้า
มะนาว มะเฟืองหวาน ทับทิม ฟักข้าว และผักต่างๆ ทุกชนิด มีบ่อน้ำเลี้ยงปลา
และเลี้ยงกบ มีการทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง ไม่ใช้สารเคมีใดเลย ใช้มือกำจัดหนอนแทน
พึ่งตนเองเป็นหลัก หันมาใช้แนวทางผสมผสานและเกื้อกูลกันระหว่างพืชกับสัตว์
และพืชกับพืช มีการใช้ระบบน้ำหยด ใช้แกลบกลบไผ่บ่งหวาน ให้หน่อสวย มีไผ่บงหวานมากรองลงมาเป็นกล้วยน้ำหว้า
หมากเม่าและฝรั่งตามลำดับ
การฟื้นฟูและปรับปรุงดิน
เป็นการอนุรักษ์หน้าดินโดยไม่ไถ่หน้าดิน
ไม่เผาทำลายวัชพืชแต่จะเอาเศษพืชและวัชพืชคลุมดินไว้
เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น
เมื่อเศษพืชและวัชพืชย่อสลายก็จะกลับไปเป็นอาหารของพืชอีก
การปราบวัชพืชและศัตรูพืชนั้นก็ไม่ต้องใช้สารเคมีแต่ใช้วิธีการทางชีวภาพแทน คือ
การปลูกพืชหลายๆชนิดผสมผสานกัน พืชบางชนิดจะเป็นตัวกันแมลงมิให้มาทำลายพืชชนิดอื่นได้
เช่นปลูกต้นดาวเรืองรอบพืชผักต่างๆ
เพื่อไล่แมลง
การขยายพันธุ์พืช
ผัก และไม้ผล
การขยายพันธุ์ผัก เช่น ผักสวนครัวและผักที่เป็นหัวใต้ดิน ก็จะทำการเพาะเมล็ด โดยการเก็บเมล็ดจากต้นที่สมบูรณ์ ทำการเพาะเมล็ดโดยการทำนั่งร้าน ยกแปลงเพาะสูงจากพื้นดิน การแก้ปัญหาโรคเน่าคอดินก็จะใช้เปลือกไข่บุบพ่อแตกผสมกับดินตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วโรยเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการขยายลงในแปลง หมั่นดูแล รักษารดน้ำ เมื่อต้นกล้าโตพอประมาณก็แยกออกปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ สำหรับไม้ผลก็จะขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด ติดตา และทาบกิ่ง โดยจะต้องเลี้ยงต้นพันธุ์พื้นบ้านให้เป็นต้นแม่ เมื่อโตและสมบูรณ์แล้วจึงจะนำกิ่งพันธุ์ดีมาขยายพันธุ์ต่อไป
การขยายพันธุ์ผัก เช่น ผักสวนครัวและผักที่เป็นหัวใต้ดิน ก็จะทำการเพาะเมล็ด โดยการเก็บเมล็ดจากต้นที่สมบูรณ์ ทำการเพาะเมล็ดโดยการทำนั่งร้าน ยกแปลงเพาะสูงจากพื้นดิน การแก้ปัญหาโรคเน่าคอดินก็จะใช้เปลือกไข่บุบพ่อแตกผสมกับดินตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วโรยเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการขยายลงในแปลง หมั่นดูแล รักษารดน้ำ เมื่อต้นกล้าโตพอประมาณก็แยกออกปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ สำหรับไม้ผลก็จะขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด ติดตา และทาบกิ่ง โดยจะต้องเลี้ยงต้นพันธุ์พื้นบ้านให้เป็นต้นแม่ เมื่อโตและสมบูรณ์แล้วจึงจะนำกิ่งพันธุ์ดีมาขยายพันธุ์ต่อไป
การขยายพันธุ์สัตว์
ชาวบ้านและผู้สนใจทั่วไปจะได้รับความรู้ เทคนิควิธีในการขยายพันธุ์สัตว์เลี้ยงต่าง ๆอย่างละเอียด เช่นการขยายพันธุ์หมู พันธุ์เป็ด ไก่ พันธุ์ปลา พันธุ์กบ เป็นต้น
ชาวบ้านและผู้สนใจทั่วไปจะได้รับความรู้ เทคนิควิธีในการขยายพันธุ์สัตว์เลี้ยงต่าง ๆอย่างละเอียด เช่นการขยายพันธุ์หมู พันธุ์เป็ด ไก่ พันธุ์ปลา พันธุ์กบ เป็นต้น
การใช้หลักการจุลินทรีย์ธรรมชาติ (Effective
Micro-organisms:EM) มาประยุกต์ใช้กับ การบำรุงดิน ซึ่งเป็นการรวมเชื้อจุลินทรีย์ที่อากาศต้องการและไม่ต้องการเข้าไว้ด้วยกันเป็น
จำนวนหลายชนิด เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันในธรรมชาติและทำให้เกิดผลดีแก่ดินอย่างถาวร
การถ่ายทอดองค์ความรู้
ครูสงกา พิทักษ์วาปี ถ่ายทอดความรู้โดยวิธีการต่างๆ
ดังนี้
- การบรรยาย
- การสาธิต
- การนำชม
- การให้คำปรึกษา
ครูสงกา
ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายประเทศ
และได้นำประสบการณ์ที่ได้พบเห็นสิ่งต่างๆทั้งในและนอกประเทศมาพัฒนาเศรษฐกิจพอพียงให้กับตนเอง
ครอบครัว ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น ในตอนแรกให้ภรรยาทำแทนรอก่อน
พอเกษียณอายุราชการแล้วก็มีเวลาทำเกษตรพอเพียงเต็มที่
ได้ใช้เวลาอย่างยาวนานในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
จากชีวิตจริงของตนเอง สิ่งที่เรียนรู้ได้กลายเป็นภูมิปัญญาด้านการเกษตรผสมผสาน
ที่สามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรค ที่เผชิญมาอย่างยาวนานได้เป็นผลสำเร็จ และข้อสำคัญ ครูสงกาได้นำภูมิปัญญาดังกล่าวสอนให้ผู้อื่นนำไปปฏิบัติจนเกิดประโยชน์
มีผู้เดินทางมาศึกษาดูงาน จนได้จัดตั้งเป็น ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมชมบ่อยๆ
ผลผลิตที่ได้จากสวนก็เป็นที่ต้องการของตลาดและบุคคลทั่วไป เพราะไม่ใช้สารเคมี
ดิฉันไปได้ชิมมะเฟืองหวาน สุกเต็มต้น มีความสุขที่ได้พบเห็น เป็นศูนย์กลางให้แก่ผู้คนและผู้สนใจเรียนรู้ทางด้านการเกษตรอยู่เสมอ
สถานที่ติดต่อ
นายสงกา พิทักษ์วาปี ด้านเกษตรกรรม
(เกษตรผสมผสาน)บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 8 ตำบล ไค้นุ่น อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ 46240
ปราชญ์ชาวบ้านตำบลหนองอีบุตร
นายประคอง ใจศิริ
ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น
ด้านการเกษตรกรรม (เกษตรพอเพียง)
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ฉบับที่ 23,016
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 คอลัมน์ รอบรั้วภูธรคนท้องถิ่น ลงข่าว “คุณครูคนขยัน ประคอง ใจศิริ
ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนหนองอีบุตรไพรเวทย์ อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์
ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนนำครอบครัวบริหารจัดการพื้นที่บริเวณบ้าน
จัดทำไร่นาสวนผสมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนและชุมชน
ปี 2555 จนกระทั้งได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรสาขาไร่นาสวนผสมดีเด่น
ของอำเภอห้วยผึ้ง อย่างไม่ยากเย็น”
นายประคอง ใจศิริ
อายุ 53 ปี
ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนหนองอีบุตรไพรเวทย์ อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์
บ้านเลขที่ 195 หมู่ 2 ตำบลหนองอีบุตร
อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ 46240 โทรศัพท์
08-68596939 มีที่สวนอยู่ 9 ไร่ ชื่อสวนศิรินันท์ จบทางด้านการเกษตรมาและมีหนังสือเกี่ยวกับการเกษตร
จำนวนมาก สอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ครูที่สอนเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่
1 ได้ ถือว่าเป็นครูที่เก่ง มีความสามารถ มีจิตวิทยาสูง
เป็นญาติกันและได้ไปดูที่ไร่สวนที่บ้านหนองอีบุตรไพรเวทย์
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติข้างฝ่ายบิดาของดิฉัน ครูประคองมีบุตรสาว 1 คนเรียนที่กรุงเทพฯ ภรรยาเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน เริ่มทำเศรษฐกิจพอเพียง
ตามในหลวงประมาณปี 2549 ไม่มีใครแนะนำ ทำด้วยตนเอง มีใจรัก ขยันมาก ได้ขุดสระน้ำขนาดใหญ่เลี้ยงปลาหลายชนิด
มีที่นา 3 ไร่
ที่เด่นๆ มีการเลี้ยงปลาในบ่อพลาสติก และการเพาะเห็ดฟางในตะกร้า มีไผ่บงหวาน
เป็นร้อยต้น มีกล้วยทุกสายพันธุ์ มีผลไม้แทบทุกชนิด มีผักเกือบทุกชนิดเช่น
ถั่วฝักยาว มะเขือ สลัด พริก หอม กะหล่ำปลี ทั้งที่เป็นชนิดที่เป็นหัวและเป็นดอก
มีบ้านหลังเล็กๆ มีอาคารอีกหนึ่งหลังเพื่อต้อนรับแขกผู้มาศึกษาดูงาน ทั้งในเขต
อำเภอ จังหวัด และต่างจังหวัด ส่วนมากผู้มาศึกษาดูงานจะมาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
และครูประคองจะถูกเชิญไปเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
และครูประคองมีสื่อเป็นแผ่นพับแจกให้ด้วย และมีการทำ EMบอล
แจกแก่ผู้มาศึกษาดูงาน เป็นการให้ความรู้ด้วยการอบรมเกษตรกรให้เข้าใจแนวทางใหม่ๆ
ในการทำการเกษตร โดยเน้นเกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน มีการใช้จุลินทรีย์ธรรมชาติ (Effective
Micro-organisms:EM) มาประยุกต์ใช้กับ การบำรุงดิน ซึ่งเป็นการรวมเชื้อจุลินทรีย์ที่อากาศต้องการและไม่ต้องการเข้าไว้ด้วยกันเป็น
จำนวนหลายชนิด เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันในธรรมชาติและทำให้เกิดผลดีแก่ดินอย่างถาวร
เพื่อให้เกิดการพึ่งตนเอง
ได้อย่างยั่งยืน เป็นการถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชน สังคม ได้อย่างดี
เนื้อหาการถ่ายทอดความรู้
- เกษตรกรรมธรรมชาติ
(พอเพียง)
- เกษตรผสมผสาน
(พอเพียง)
- การนำแนวคิดเกษตรธรรมชาติไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
- การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
โดยเน้นในเรื่องความประหยัด ละเว้นอบายมุข และการมีชีวิตที่เรียบง่าย เงินเดือนเหลือเก็บทุกเดือน
วิธีการถ่ายทอดความรู้
ครูประคอง ใจศิริ ถ่ายทอดความรู้โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- การบรรยาย
- การสาธิต
- การนำชม
- การให้คำปรึกษา
สถานที่ติดต่อ
นายประคอง ใจศิริ
อายุ 53 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนหนองอีบุตรไพรเวทย์ อำเภอห้วยผึ้ง
จังหวัดกาฬสินธุ์ บ้านเลขที่ 195 หมู่ 2 ตำบลหนองอีบุตร อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ 46240 โทรศัพท์ 08-68596939